วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เมื่อคุณได้รับยาต้านไวรัส hiv

 

ยารักษาโรคเอดส์ (หรือยาต้านเชื้อไวรัส hiv)

.   ไวรัส hiv เป็นเชื้อที่ทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเชื้อชนิดนี้จะมีความจำเพาะกับเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่ชื่อทีลิมโฟ ไซต์ ซึ่งเป็นเม็ดเลือดขาว ที่ทำหน้าที่คุ้มกันป้องกันและทำลายการติดเชื้อโรคหรือสิ่ง แปลกปลอมชนิดต่างๆ เซลล์เม็ดเลือดขาว ชนิดนี้ที่เยื่อหุ้มเซลล์จะมีส่วนประกอบที่เรียกว่าซีดี4 ซึ่งเป็นตำแหน่ง สำคัญที่จำเพาะต่อการเกาะตัว ของอนุภาคของ เชื้อ ไวรัส hiv ดังนั้นจึงอาจเรียกทีลิมโฟไซต์ว่าเม็ดเลือดขาว ชนิดซีดี4 เมื่อเริ่มติดเชื้อใหม่ๆ จำนวนเชื้อไวรัสยังมีไม่มาก ก็ จะค่อยๆ เพิ่มจำนวนในร่างกายมากขึ้นๆ ด้วยการ ทำลาย ทีลิมโฟไซต์ชนิดนี้ไปเรื่อยๆ ถ้ายิ่งร่างกายอ่อนแอและภูมิต้านทานไม่ดี การเพิ่มจำนวนของไวรัสด้วยการทำลายเซลล์ทีลิมโฟไซต์ ก็จะยิ่งมีมากขึ้นและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้จำนวนไวรัสมากขึ้น ดังนั้น การตรวจหาระดับความรุนแรงของโรคเอดส์ จึงสามารถตรวจด้วย การตรวจหาปริมาณทีลิมโฟไซต์ หรือเม็ดเลือดขาวชนิดซีดี4 (CD4 + T-cell) 


เมื่อคุณได้รับยาต้านไวรัส hiv

   อาการข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ มีไข้สูง มีผื่นลมพิษ เยื่อบุตาอักเสบ เยื่อบุปากอักเสบ หายใจขัดหรือหอบ เป็นต้น  ซึ่งยาต้านเชื้อไวรัส hiv ที่พบอาการข้างเคียงได้บ่อยที่สุดคือ เนวิราพิน (Nevirapine, NVP) นอกจากนี้ อาจพบอาการข้างเคียงอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องอืด นอน ไม่หลับ  ฝันร้าย เป็นต้น อาการเหล่านี้มักเป็นในช่วงแรกของการใช้ยา และอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน ๒ เดือน   แต่ถ้ามีอาการซีด ตับอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ ชาปลายมือปลายเท้า นิ่วในไต น้ำตาลในเลือดสูง  จะมี ไขมันกระจายตัวผิดปกติ (ลงพุง ไขมันพอกที่ต้นคอ หน้าอก แต่หน้าตอบและแขนขาลีบ) โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อที่เริ่มยาต้านฯ เมื่อ CD4+ ต่ำมาก ก็ควรกลับไปปรึกษาแพทย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น